Popular Posts

[UCL] ROUND 16 :: 19-20 FEB :: 1ST LEG Arsenal - Bayern Munich

สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ...

ในประวัติศาสตร์สโมสร ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่อาร์เซนอลเคยไปได้ไกลที่สุดในฟุตบอลรายการนี้ คือรอบชิงชนะเลิศกับสโมสรฟุตบอลบาเซโลน่า ในสนาม สเตร์ด เดอ ฟรองก์ เมือง เซนต์ เดนิส ประเทศฝรั่งเศส ตอนปี 2006 ยุคนั้นเป็นยุคของนักเตะอย่าง เยห์น เลห์มัน, โรแบร์ ปิแรส, เฟ็ดริก ลุงเบิร์ก, โจเซ่ อันโตนิโอ เรเยส, เดนิส เบิร์กแคมป์, เชสก์ ฟราเบกาส, จิลเบโต้ ซิลวา, โคโล ตูเร่, แอชลีย์ โคล, โซล แคมป์เบล, ธิเยรี่ อองรี ฯลฯ

ในรอบ 16 ทีม อาร์เซนอลเอาชนะ รีล มาดริด ชุดกาลักติโกส อันประกอบไปด้วย ซีดาน,คาลอส,โรนัลโด้,ราอูล และ เดวิด เบคแฮม มาได้ที่ผลประตูรวม 1 ประตู ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีม




ในรอบ 8 ทีมพวกเขาต้องมาพบกับ ยูเวนตุส ยูเวนตุสขณะนั้นอยู่ในยุคของ พาเวล เน็ดเวด, ปาทริค วิเอร่า,อเล็กซานโดร เดล ปิเอโร่, ลิเลียน ตูราม, ฟาบิโอ คันนาวาโร่,เอเดรียน มูตู ฯลฯ อาร์เซนอลเอาชนะยูเวนตุสได้ด้วยสกอร์ คลีนชีทอีกครั้ง ผลประตูรวม 2 ประตู

รอบ 4 ทีมสุดท้าย อาร์เซนอลต้องพบกับ บียารีล ซึ่งเป็นช่วงยุคของ ดิเอโก ฟอร์ลัน, ฆวน ริเคลเม่,ฮาเวียร์ คาเรลล่า, มานูเอล พีนา, มาคอส เซนน่า, ซานติ กาซอลา,โจเซมี ฯลฯ รอบนี้อาร์เซนอล ยังคงเก็บคลีนชีท และรวมประตูรวมยังคงเป็น 1 ประตู

เส้นทางถึงรอบชิงชนะเลิศของอาร์เซนอล มีประตูเกิดขึ้นเพียง 4 ประตูเท่านั้น 2 ประตูมาจาก ธิเยรี อองรี 1 ประตูจาก เชสก์ ฟราเบกาส และ อีก 1 ประตูจากโคโล ตูเร่ ..

รอบชิงชนะเลิศพวกเขาผ่านไปพบกับบาเซโลนา ผู้ซึ่งโค่น เชลซี,เบนฟิก้า และ เอซี มิลาน มาแล้ว พวกเขามี คาเลส ปูโยล,ติอาโก มอตต้า,ซาบี้,ซามูเอล เอโต้, โรนัลดิญโญ่,อันเดรีย อิเนสต้า,เดโก,ลิโอเนล เมซซี่ ฯลฯ



เกมวันนั้น มันเริ่มต้นด้วยความดราม่า ...

อาร์เซนอลและบาร์เซโลน่า ผลัดกันเดินเกมบุก ทั้งคู่มีโอกาสได้ยิงพอๆกัน จนกระทั่งนาทีที่ 18 เยห์น เลห์มัน ออกมาเซฟลูกหน้ากรอบเขตโทษ ประสานงาเข้ากับซามูเอล เอโต้ อย่างแรง .. นั่นทำให้เลห์มัน เจอใบแดง ถูกไล่ออกจากสนามทันที เป็นกลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกไล่ออกในศึกฟุตบอลถ้วยยุโรป รอบชิงชนะเลิศ ..



เวนเกอร์ถอด ปิแรสออก แล้วส่งมูเนียอิน ผู้รักษาประตูมือ 2 ลงไปแทน และแม้จะเหลือเพียงแค่ 10 คน แต่กลับเป็นอาร์เซนอลที่ได้ประตูขึ้นนำก่อน จากลูกยิงสุดสวยของ โซล แคมเบล หมดครึ่งแรก อาร์เซนอลนำอยู่ 1-0 เริ่มครึ่งหลัง ดูเหมือนอาร์เซนอลจะยังทำเกมบุกได้ดีกว่าอยู่เล็กน้อย แต่ดูเหมือนการยิงของอาร์เซนอลจะออกนอกกรอบไปเสียเยอะ ขณะที่ฝั่งบาซ่าได้ลุ้นมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นอาร์เซนอลก็ยังสามารถยันสกอร์ไว้ที่ 1-0 ได้จนเกือบท้ายเกม เป็น ซามูเอล เอโต้ทำประตูตีไข่แตกให้บาร์เซโลน่าจนได้ เป็นแอสซิทจาก เฮนริก ลาร์สสัน ดูเหมือน โมเมนตัมจะเปลี่ยนข้างเสียแล้ว ..

บัลเลตติ เป็นตัวสำรองที่พึ่งถูกเปลี่ยนลงมาแทนที่ โอเลกัวร์ และ เป็นเขานี่เองที่ยิงประตูชัยให้บาซ่าร์ ขึ้นนำอาร์เซนอลได้ในนาทีที่ 86 สถานการณ์ของอาร์เซนอลเข้าขั้นวิกฤตแล้ว ... เวนเกอร์รีบเปลี่ยนเฮล์บออกแล้วส่งเรเยสลงไปเล่นเกมบุกแทน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อท้ายเกม อาร์เซนอลยังคงถูกกระหน่ำยิงจากนักเตะบาร์เซโลน่า เวลาใกล้หมด เหลือเวลาที่ทดแค่เพียง 3 นาทีเท่านั้น อาร์เซนอลไม่สามารถสร้างปาฏิหารย์ได้ เสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น มันเหมือนฝันร้าย ที่พวกเขาต้องเผชิญ .. ด้วยผู้เล่นเพียง 10 คน พวกเขาสู้ได้อย่างสูสี แต่สุดท้ายมันก็ไม่สามารถเป็นความจริงได้

บาร์เซโลน่า ในยุคของกุนซือ แฟรงก์ ไรจ์การ์ด คว้าแชมป์สมัยที่ 2 ได้สำเร็จ ท่ามกลางความช็อคและน้ำตาของนักเตะอาร์เซนอล ..
วันนี้มันไม่ใช่วันของพวกเขา.. ก็เท่านั้นเอง ...




นอกจากปีนั้นจะเป็นปีที่สโมสรก้าวไปได้ไกลถึงรอบชิงชนะเลิศ ปีเดียวกันยังเป็นปีที่ต้องกล่าวอำลา "เดอะ ไฮบิวรี่" สนามเหย้าของทีม อายุ 93 ปีอีกด้วย ปีนั้น อาร์เซนอลจบฤดูกาลที่อันดับ 4 ในลีก และยังเป็นปีแรกที่นักเตะอย่าง นิคลาส เบนด์เนอร์,เอดู ดิยาบี้,วิโต แมนนอน,อามันด์ ตราโอเร่,ธีโอ วัลคอตต์,เอมมานูเอล อเดบายอร์ เข้าสู่ทีมอีกด้วย และ ฤดูกาลนั้น กัปตันทีมอย่าง ปาทริค วิเอร่าก็โบกมือลาไปอยู่ ยูเวนตุส พร้อมกับ เจแมน เพนเนนท์ที่ไปเบอร์มิงแฮม ซิตี้ และ สจ๊วต เทเลอร์ ไปแอสตัน วิลล่า

ผ่านไป 9 ปีแล้ว.. อาร์เซนอลยังคงเป็นทีมฟุตบอลจากสโมสรอังกฤษที่ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน พวกเขาเคยพ่าย พีเอสวี ไฮโอเฟน,บาร์เซโลน่า,มิลาน และ บาร์เยิร์น มิวนิค และตกรอบ 16 ทีม ขณะที่เคยชนะ เอซี มิลาน,โรม่า,ปอร์โต้ จนผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมได้สำเร็จมาแล้ว

แม้สถิติกับบาร์เยิร์นจะไม่ดีนัก ปีที่แล้ว บาร์เยิร์นเอาชนะพวกเขาได้ที่สกอร์ 1-3 ในเลกแรก และพวกเขาบุกกลับไปทวงคืนได้อีก 2 ลูก แต่นั่นไม่เพียงพอให้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ...

และปีนี้เป็นอีกครั้ง ที่พวกเขาต้องพบกับบาร์เยิร์น มิวนิค ในรอบ 16 ทีม ...


UEFA Champions League 2013/2014
Champions League Final Stages
20 / 02 / 2014


::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::

Arsenal FC -  FC Bayern München
Arena : Emirates Stadium
Group Stage : รองแชมป์กลุ่ม F ต้องมาเจอกับ แชมป์กลุ่ม D


อาจเรียกได้ว่าเป็นคราวซวยของอาร์เซนอลอย่างแท้จริง หลังจากเอาชนะนาโปลีมาได้แบบโคตรดราม่า (ดราม่าฝั่งนาโปลีนะ) ด้วยลูกได้เสียและชัยชนะของดอร์ทมุนด์ ทำให้สถานการณ์อาเซนอลเลวร้ายลงทันที เมื่อจากสถานะแชมป์กลุ่ม พวกเขากลับต้องผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมในฐานะรองแชมป์ งานยากของรองแชมป์คือ เขาต้องจับคู่กับทีมแชมป์ของกลุ่มอื่น ...

ซึ่งแต่ละกลุ่ม มันก็โหดเหลือเกิน ...

และเหมือนถูกหวย ในโหลจับสลาก ชื่อของอาร์เซนอล ถูกจับได้เป็นชื่อสุดท้าย สิ่งที่แฟนปืนใหญ่กลัวก็เป็นความจริง .. พวกเขาดวงดีจับเจอ แชมป์เก่า บาร์เยิร์น มิวนิคจนได้ ..

ตอนนั้นอาร์เซนอลกำลังรักษาอันดับทีมหัวตารางในลีก เช่นเดียวกับบาร์เยิร์น มิวนิค เพียงแต่ในเกมลีกส์ บาร์เยิร์นแข็งแกร่งเหลือเกิน พวกเขาัยังไม่เคยแพ้ใครเลยสักนัดเดียว ยังไม่นับที่ยิงทีมอื่นพรุนเป็นลูกพรุนอีก แม้จะพ่ายแมนฯซิตี้ในเกมรอบแบ่งกลุ่มเพียงนัดเดียว ก็ไม่ทำให้ความน่ากลัวของ เสือใต้ ลดลงแต่อย่างใด

บังเอิญความซวยไม่สิ้นสุด เมื่อนักเตะอาร์เซนอลทยอยกลับเข้าวง The Hospital Band กันอีกครั้ง นักเตะหลายตำแหน่งเริ่มมีปัญหา เกมลีกก็ไม่สู้ดี บอลถ้วยก็พึ่งชนะมาแบบต้องลุ้นจนเหนื่อย และยังต้องมาเจอกับบาร์เยิร์นช่วงที่ทีมกำลังมีปัญหาทำประตูได้น้อย ก็เป็นอะไรที่อันตรายเหลือเกิน

ทางฝั่งบาร์เยิร์น แม้จะขาดทีเด็ดอย่าง ริเบรี่ และ ชาคิรี่ ไป ก็ไม่ถึงขั้นทำให้สภาพทีมสะดุ้งสะเทือนอะไรนัก เพราะ เป็ป เองก็พร้อมเปลี่ยนแปลงแผนที่เหมาะสม และ มีผู้เล่นให้เลือกใช้ไม่ขาดมือ ยังไม่ต้องพูดถึงว่า ผู้เล่นแต่ละคน สามารถเล่นได้หลายตำแหน่งอีกนะ T__T

นัดนี้ "เขาว่ากันว่า" พี่เสือจะขย้ำปืนแตกแบบชิลๆ .. จะจริงหรือไม่ ...
เดี๋ยวรู้เลย!!!

 
Arsenal FC -  FC Bayern München




นัดนี้เวนเกอร์เลือกส่ง ซาโนโก้ เด็กเอ๊าะลงเล่นเป็นหน้าเป้าแทนโอลิวิเยร์ ชิรูด์ที่นั่งเหี่ยวอยู่ข้างสนาม หลังจากที่ นอกจากจะฟอร์มสาก ความประพฤติยังไม่ดีนัก จนเวนเกอร์น่าจะจับดองสักพักลงโทษเรื่องความประพฤติ และ โพลโดสกี้ ยังคงนั่งหง่าวเหมือนเดิม แม้นัดก่อนหน้าจะยิงประตูชัยให้ทีมชนะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศใน FA Cup ก็ตาม ตำแหน่งอื่นๆไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แชมโบ้ที่หายเจ็บกลับมา เวนเกอร์ยังให้โอกาสลงอย่างต่อเนื่อง และนัดล่าสุดก็ทำประตูให้ทีมอย่างสวยงามอีกด้วย

ขณะที่ทางฝั่งบาร์เยิร์น ใช้กลยุทธ์โรเตชั่นอีกครั้ง แหล่งข่าวแจ้งมาว่า นัดนี้ ไม่เกิธเซและมุลเลอร์ จะเล่นในตำแหน่ง false9 และ ลาห์มจะขึ้นมาเล่น เซนเตอร์ มันซูคิดก์พึ่งหายกลับมาอาจเป็นสำรองของมุลเลอร์

กลายเป็นว่า เป็ป เล่นเอาเงิบกันหมดอีกครั้ง เมื่อโยกเกิธไปเล่นขวา รอบเบนยืนซ้าย โครสคู่อาคันทาร่า มันซูคิดยืนหอก ซาบี้ยืนเซนเตอร์ ลาห์มไปแบ็คขวา .. แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งที่น่าแปลกใจอะไรนัก แต่การโรเตชั่นผู้เล่นและตำแหน่งของเป็ป ก็ำทำเอา ทึ่งได้เสมอ เอาเป็นว่า .. คราวหน้าอย่าเดาเลย ว่าใครจะยืนตรงไหนหรือใครจะเป็นตัวจริง ...

First Half



แม้จะมีสถานะและชื่อชั้นเหนือกว่า แต่ดูเหมือน ช่วงเริ่มเกม กลับเป็น บาร์เยิร์นที่ถูก อาร์เซนอลเล่นเกมเร็วกดดันตั้งแต่ 10 นาทีแรก แบบที่กองหลังของบาร์เยิร์นต้องทำงานแบบไม่ได้ว่างเว้น รูปเกมช่วงแรกจึงเป็นการเปิดหมัดแลกกันอย่างที่หลายๆคนเก็งไว้ อาร์เซนอลเองก็เล่นแบบไม่กลัวบาร์เยิร์น หนำซ้ำเกมนี้พวกเขายังไม่ได้เคาะไป เคาะมาแบบที่เคยทำด้วย

แม้ไม่อาจเรียกได้ว่า มีโอกาสได้ลุ้นแบบเต็มปากเต็มคำ เพราะเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างทำเกมบุกขึ้นไปติดกองหลังกันได้เกือบทุกครั้ง จนกระทั่ง อาร์เซนอลได้มีลุ้นก่อน แบบที่น่าจะพลิกเกมตั้งแต่ครึ่งแรก เมื่ออาร์เซนอลได้จุดโทษ เป็นโอซิล ที่ออกไปสังหาร เมื่อทีมชาติเยอรมันต้องมาเจอกันเอง ช็อตวัดใจจึงตามมา



แต่แล้วมันก็เป็นอะไรที่ดราม่าจริงๆ เมื่อ จุดโทษถูกเซฟได้ด้วยฝีมือนอยเออร์ จากภาพช้า โอซิลชะงัก 1 จังหวะเหมือนพยายามหลอกนอยเออร์ แต่นอยเออร์รู้ดีกว่านั้น แน่นอนว่าเขาพุ่งถูกทางและปัดลูกออกไปได้ อาร์เซนอลพลาดประตูแรกอย่างน่าเสียดาย

เมื่อนอยเออร์ได้บินโชว์หล่อไปแล้ว ก็ถึงคราวของเชสนีย์บ้าง เชสนีย์ได้ออกบินบ้าง แต่รูปเกมก็ยังเป็นแบบเดิมคือ ต่างฝ่ายต่างตัดเกมกันได้ที่กลางสนามและเคลียร์ได้ที่แดนหลังเสมอ

นัดนี้จะเห็นได้ว่า บาร์เยิร์นจะแทงขึ้นไปทางขวาตลอด พูดได้เลยว่า งานของกอสและแพร์หนักพอสมควร ขณะที่แบ็คอีกตัวอย่างกิ๊บก็ดันสูงตามระเบียบ ที่ขำคือ ร็อบเบนเองแทบไม่ได้มายืนซ้ายตามตำแหน่งเลย แต่ขึ้นไปเล่นฝั่งขวาคู่กับเกิธเซตลอด และตามสไตล์ร็อบเบนคือ วิ่งทั้งสนาม พล่านเชียวอะไรเชียว

ท้ายเกมที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแล้ว เพราะรูปเกมก็ทรงๆ ทำอะไรกันไม่ได้ทั้งคู่ ดราม่าบังเกิด เมื่อเชสนีย์ออกมาสกัดบอลหน้ากรอบเขตโทษขณะที่ร็อบเบนวิ่งเข้าไปเตรียมรอ ง้าง เลยกระแทกกันเต็มรัก ผู้ตัดสินวิ่งมา ซัดใบแดงใส่เชสนีย์ทันที เชสนีย์เดินออกจากสนามแบบเซงๆ แต่ไม่ได้โวยวายอะไร ดูเหมือนว่า ฟาเบี้ยงสกี้ จะได้โชว์ทีเด็ดอีกแล้วซะละมั้ง (ก่อนหน้านี้ กิ๊บบ์ก็พึ่งเจ็บจนต้องเปลี่ยน มอนเรอัลลงมาเล่นแทน)



ลูกนี้ได้จุดโทษ บาร์เยิร์นให้ หนุ่มน้อย อลาบายิง ซีซั่นนี้ อลาบายิงประตูให้ทีม 3 ประตู 2 ประตูมาจากเกมในชปล. และ 1 ประตูมาจากจุดโทษในบุนเดสลีกา ..

และดราม่าหนักกว่าเก่า เมื่อ อลาบา ยิงจุดโทษพลาด ฟาเบียงสกี้พุ่งผิดทางไปแล้ว แต่เป็นอลาบาเองที่ยิงเบียดไปทางเสาซ้าย แต่กลับชนเสาออกซะอย่างนั้น ที่น่าประทับใจคือ เมื่ออลาบาพลาด พี่ๆรีบเข้ามาตบไหล่ทันที ประมาณว่า "ไม่เป็นไรนะไอ้หนู" ..

จบครึ่งแรกไปแบบ งงๆ ปนดราม่า ไร้สกอร์

Arsenal 0 - 0 Bayern Munich



เวนเกอร์ไม่พอใจร็อบเบน และถามเขาว่า "ยูพุ่งทามมาย?" So you dive eh?

Second Half



เริ่มครึ่งหลังมาได้ไม่เท่าไหร่ ตามตำราบาร์เยิร์นเขาว่า "ขอลูกแรกก่อนหนา.. เดี๋ยว 2-3-4-5 ก็ตามมา ในเพลาอันใกล้เอง..." ปัญหาคือ บาร์เยิร์นยังจัดการลูกแรกที่ว่านั่นไม่ได้สักที

พูดยังไม่ทันขาดคำ ตะละพี่ฟิลลิป ลาห์ม ก็โชว์เนี้ยบ แอสซิทสุดหรู ให้น้องโครส ซัดไปเต็มรัก แปรนิ่ม ลูกลอยโค้ง บิดผ่านมือ ฟาเบียงสกี้ไปได้อย่างดงาม .. ลูกแรกมาแล้วจ้า
Arseanl 0 - 1 Bayern Munich



ตามโมเมนตัม เมื่อโดนนำ อาร์เซนอลก็เริ่มออกลูกเป๋ทันที หลังจากที่เหลือแค่ 10 คนอยู่ก่อนแล้ว งานยิ่งล้นมือเข้าไปใหญ่ เมื่อต้องถอด กาซอล่า ที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นคนที่มีโอกาสทำประตูที่สุดในนัดนี้ออกไปแล้ว คนที่เหลือบนสนาม ก็ไม่ได้ลูกยิงหวังผลเป็นชิ้นเป็นอันได้อีกเลย แม้โอซิลจะมีโอกาสได้ขึ้นไปลุ้นตลอด แต่ยังไม่ทันง้าง ก็เจอหวดดับดิ้นซะแล้ว โควต้าสุดท้ายของอาร์เซนอลคือ การถอด แชมโบ้ แล้วส่ง โรซิกกี้ลงมาแทน ดูท่าว่า เวนเกอร์อยากยันสกอร์ 0-1 นี่ไว้แล้วอาศัยโต้กลับพอขลุกขลิก



ครึ่งหลังคือ มหกรรมซัดเปรี้ยง บาร์เยิร์นได้ทีขึ้นมาบุกเกือบตลอดทั้งเกม อาร์เซนอลแทบจะดันคืนไม่ได้เลย บาร์เยิร์นขึ้นมาแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก นอกจาก ยิงติด ยิงเลย ยิงออก เกมเหมือนจะจบลงที่สกอร์ 0-1 ซึ่งหากจบด้วยสกอร์นี้จริงๆ ถือว่า อาร์เซนอลคุมเกมได้ดีมาก ทั้งที่ทีมเหลือ 10 คน

แต่แล้ว ..

อี..กระยางไฮโซ ก็แผลงฤทธิ์จนได้ ด้วยพลังแห่งกระยาง จงสำแดงฤทธา ณ บัดนี้ แท๊นนนนนน...



มุลเลอร์ ถูกเปลี่ยนลงมาท้ายเกมแทนที่มันซูคิดก์ ลงมาปุ๊ป ก็ได้ลุ้นทันทีด้วยลูกโหม่ง และ ตอนใกล้หมดเวลา ก็ตามมาด้วยโหม่งอีกครั้ง ด้วยบาร์เยิร์นฯที่เล่นครอสจากข้าง และ โยนจากกลางเข้ากรอบเขตโทษมาตั้งแต่แรก คราวนี้เป็น ลาห์ม ที่เปิดเข้ากรอบเขตโทษ ตรงนั้นมี มุลเลอร์ ..

ในขณะที่แผงหลังกำลังปั่นป่วน มุลเลอร์วิ่งเข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ เขาเห็นลาห์มได้บอล มุลเลอร์โบกมือหยอยๆ "มาเลยพี่ ทางนี้เลย" ลาห์มไม่ให้น้องรอนาน เขาเปิดครอสเข้ากลางทันที ลูกลอยโค้งตก แบบโพรเจกไทล์ ในระยะที่ลูกกำลังจะลอยต่ำลง ด้วยเซนส์บอลสุดแหล่มของมุลเลอร์ เขารีบลดตัวพุ่งออกไปโหม่งบอลในจังหวะที่ลูกลอยมาได้ระยะพอดีดี

พุ่งไปแบบนั้น ลูกก็ลอยพุ่งผ่านฟาเบียงสกี้ไปตุงตาข่ายทันที ลูก 2 ในท้ายเกมจากมุลเลอร์ เป็นอะไรที่สวยงามบาดจิต บาดใจจริงๆ



Arseanl 0 - 2 Bayern Munich
Full Time



เกมนี้คงต้องปรบมือให้อาร์เซนอล เพราะพวกเขาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน แต่ยังยันสกอร์ 0-1 มาได้จนเกือบจบเกม แม้ครึ่งหลังแนวรุกบ้าพลังของบาร์เยิร์นจะปั่นป่วนแค่ไหน แต่การทำงานของกองหลังอาร์เซนอลก็แทบไม่ได้เสียกระบวนไปมากเท่าไหร่เลย ที่น่าเสียดายคือ จังหวะสุดท้ายของมุลเลอร์ ที่ ณ ตอนนั้น ใครก็สกัดบอลทิ้งไม่ทันแล้ว จนมุลเลอร์อาศัยความเกรียนเก๋า เลทเกมได้ในท้ายที่สุด

ที่อยากชื่นชมมากคือแผงหลังของทั้งสองทีม ที่ทำงานกันหนักหน่วงมาก สามารถเคลียร์ลูกหวาดเสียวได้หลายๆลูก แม้แต่ นอยเออร์เองยังแอบทำเราอึ้งด้วยการ โชว์ฟอร์มโหด ซึ่งต้องสารภาพจริงๆว่า อิฉันเล่นเกม Fantasy UCL ใช้นอยเออร์มาตั้งแต่รอบแรกๆ แม้จะขายนักเตะออกไปหลายคนแต่ไม่เคยขายนอยเออร์เลย จนกระทั่งรอบนี้ ก็พึ่งมาสังเกตุว่า นอยเออร์แต้มค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับผู้รักษาประตูคนอื่น อาจเพราะนอยเออร์ไม่ค่อยได้ออกงานใหญ่ โดดปัด โดดพุ่ง หรือ โชว์ช็อตโหดแบบผู้รักษาประตูคนอื่น แต้มเลยว่าไปตามคลีนชีทปกติ จะไม่ค่อยได้คะแนนอื่นเพิ่ม สงสัยกองหลังบาร์เยิร์นทำหน้าที่ดีเกินไป

อิฉันเลยขายนอยเออร์ทิ้งซะ
มิคาดพอขายปุ๊ป แม่มมมมโชว์โหดดดดด เฉยยยย ทั้งบิน ทั้งโดดดดด ทั้งเตะเคลียร์หน้ากรอบ ทั้งเซฟฟฟฟจุดโทษษษษษ เอ็งต้องการอัลไลจากข้าาาาาาา T____T

ส่วนนักเตะอีกคนที่ชื่นชอบมาก และซื้อไว้กับทีมตลอดไม่เคยขายออกไปเลยคือ อลาบา ด้วยความที่เวลาอิฉันจะหาทีมเชียร์ ก็จะลองเลือกจากนักเตะก่อน พอไปดูบาร์เยิร์นยุคหลังๆแล้วชอบอลาบามาก (ก่อนหน้านี้ชอบมุลเลอร์ ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่นะ กระยางคุง อิอิ) เลยนั่งเชียร์อลาบาเต็มที่ พอเห็นอลาบาได้โอกาสซัดจุดโทษ นั่งเกร็งมาก ท่องในใจ

"อลาบา ยิงให้แม่หน่อยนะลูก..." ซ้ำไปซ้ำมา สรุปคือ ... ชนเสา!!!!!!
จิตใจเอ็งทำด้วยอะไรไอ้หนู T______T ทำไมทำกับแม่แบบนี้

จริงๆเราไม่ค่อยได้ดูบุนเดสลีก้า เมื่อปีที่แล้วลองเชียร์ดอร์ทมุนด์ก็สนุกดี ปีนี้ลองย้ายไปเชียร์เลเวอร์ฯบ้าง ก็สนุกสนานพอใช้ได้ แต่ในบอลถ้วยเห็นทีจะไปก่อนเพื่อน เป็นสไตล์กรอบเหลือเกิน =___= ทางฝั่งบอลอังกฤษเองอิฉันก็เชียร์แต่ลิเวอร์พูล แต่ถ้าเป็นอาร์เซนอลก็จะได้ดูบ้างบางแมตที่อยากดูจริงๆ เพราะอันที่จริงแล้วชอบเด็กอาเซนอลอยู่ 2-3 คนที่อยากติดตามฟอร์มคือ คีแรน กิ๊บบ์ กับ อ๊อกเล็ด แชมเบอร์เลน (รู้สึกว่าจะมาแนวทีมชาติอังกฤษ 55555) เห็นแชมโบ้เล่นดีเราก็ปลื้มใจนะ แต่ทำไมกิ๊บบ์เจ็บอีกแล้ว... พึ่งหายมาไม่ใช่เร้อะ = =

แอบเสียดายกับเชสนีย์ สำหรับเราจังหวะนั้นมันค่อนข้าง ขลุกขลิกนะ วอลเกรียนเจอแดงสะงั้น อดหนุกเบยลูก

สุดท้ายนี้ หากมีข้อผิดพลาดอะไร เราขออภัยล่วงหน้าจริงๆ คือ มันเป็นนัดที่เรานั่งดู เราเลยอยากเขียนแค่นั้น กะว่าจะเขียนทุกนัดไปจนถึงนัดชิง ปีที่แล้วมาคิดได้ ก็รอบใกล้ๆรอบชิงแล้ว พอกลับไปนั่งอ่านก็สนุกดี

ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ



https://www.facebook.com/poprockonfilm
https://twitter.com/alfredpoprock
< >

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น